นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธาน คณะก้าวหน้า พบปะผู้สม้ครทีมนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่คณะก้าวหน้าให้การสนับสนุน ใน จ.ลพบุรี และสระบุรี เมื่อวันอังคาร (9 พ.ย.) เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น นโยบาย และแนวทางในการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ยังมีกรรมการบริหาร คณะก้าวหน้า อีกหลายคนเดินทางไปด้วย คือ นายชำนาญ จันทร์เรือง และนายไกลก้อง ไวทยการ
การพูดคุยครั้งนี้พบว่าผู้สมัคร อบต. หลายกลุ่มสนใจเรื่องระบบน้ำประปาที่สะอาดและสามารถดื่มได้ ที่เทศบาลตำบลอาจสามารถ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ที่คณะก้าวหน้าสนับสนุน ทำสำเร็จ โดยใช้เวลาเพียง 99 วันเท่านั้น
ธนาธร ย้ำรับเงินซื้อเสียง ไม่คุ้มอนาคตบ้านเกิดที่เสียไป
นายธนาธร กล่าวระหว่างการพบปะดังกล่าวว่า ผู้สมัครที่คณะก้าวหน้าจะต้องไม่ซื้อเสียงและการซื้อเสียงเป็นจุดเริ่มต้นของการทุจริต และต้องอธิบายให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจว่าการซื้อเสียงนี่เองที่เป็นการขโมยอนาคตและฉุดรั้งการพัฒนาบ้านเกิด และประชาชนไม่ควรนำอนาคตของพวกตนไปแลกกับเงินเพียงไม่กี่บาทที่ได้มา
“บอกพี่น้องประชาชนให้ชัด การแก้ปัญหาน้ำประปาได้ภายใน 1 ปี คุ้มกว่าการรับเงินหลักไม่กี่พันบาทแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยแน่ๆ นี่คือสิ่งที่เราให้สัญญาแก่ประชาชนได้ เราทุกคนต้องหนักแน่นที่จะไม่ใช้เงินในทางนี้ แต่เราต้องอธิบายให้พวกเขาเข้าใจ ใช้ความจริงใจ ใช้นโยบายที่ทำได้จริง เข้าไปทำให้เห็น ว่าการรับเงินไม่คุ้มกว่าแน่ๆ” ธนาธรกล่าว
ประธานคณะก้าวหน้ารายนี้ กล่าวอีกว่า คณะก้าวหน้ามีเป้าหมายทำการเมืองท้องถิ่นในระยะยาว เพราะการพัฒนาท้องถิ่นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4-8 ปี ส่วนบทบาทของคณะก้าวหน้านั้นต้องการจะเป็นคลังความรู้เกี่ยวกับการบริหารท้องถิ่น และเมื่อทำไปเรื่อยๆ ก็มั่นใจว่าจะเป็นคลังความรู้ที่ใหญ่มาก คณะก้าวหน้าจะเป็นคลังความรู้ด้านท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาท้องถิ่น ทั้งสำหรับคณะและสำหรับผู้อื่นต่อไปในอนาคต
พบศพเด็ก 3 ขวบ ลอยน้ำในคลองย่านบางบ่อ ร่างมีรอยช้ำคล้ายถูกทำร้าย
เมื่อเวลา 11.00 น วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ร.ต.อ.ภราดร เพ็งคต รองสารวัตรสอบสวน สภ บางบ่อ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งพบศพเด็กเสียชีวิตภายในน้ำ ในคลองใต้สะพานข้ามคลองชวดพร้าว ถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี หมู่ที่ 4 ตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุใต้สะพานข้ามคลองพบศพเด็กชายอายุประมาณ 2-3 ขวบ ลอยน้ำอยู่ลักษณะหงายหน้า สวมเสื้อสีน้ำเงิน กางเกงสีส้ม มีหน้ากากอนามัยยังพาดอยู่ที่คอ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบรอยฟกช้ำตามร่างกาย คล้ายถูกทำร้าย จึงได้มอบศพให้มูลนิธินำส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลรามาสมุทรปราการ
จากการสอบถาม นางสาววิไลวรรณ โยมภูเวียง อายุ 35 ปี ผู้ที่พบศพ ได้เล่าว่า เมื่อเวลาช่วงเวลา 10.30 น ที่ผ่านมา ตนได้เดินผ่านมาบริเวณดังกล่าวได้เห็นเหมือนตุ๊กตาลอยอยู่ตรงจุดดังกล่าว ตนก็ไม่แน่ใจว่าเป็นศพหรือตุ๊กตา จึงวิ่งไปตามญาติมาช่วยดูพอมาถึงพบว่าเป็นศพเด็กเลยได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ได้ประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนให้ลงพื้นที่หาหลักฐานเพิ่มเติมในจุดเกิดเหตุ และ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่ในจุดเกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียง ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต้องรอผลชันสูตรจากสถาบันนิติเวชวิทยา ว่ารอยต่าง ๆ ที่อยู่บนศพเกิดจากการถูกทำร้ายร่างกายหรือไม่ และ จะประสานงานพื้นที่ใกล้เคียงว่ามีแจ้งความเด็กหายหรือไม่อย่างไร
เด็กสาว 2 พี่น้องร้องสื่อ แก๊งกะเทยโหดยกพวกตบถึงหอพัก ผู้หญิงรู้กิตติศัพท์ทั้งเมืองสองแคว
เด็กสาว 2 พี่น้องร้องสื่อ แก๊งกะเทยโหดยกพวกตบถึงหอพัก ฉุนคุยกับอดีตคนรัก ผู้หญิงรู้กิตติศัพท์ทั้งเมืองสองแคว ผ่านมาเป็นเดือนคดีไม่คืบหน้า
(9 พ.ย. 64) น.ส.พราว (นามสมมติ) อายุ 17 ปี และ น.ส.แพรว (นามสมมติ) อายุ 15 ปี สองพี่น้อง ชาว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ได้ร้องทุกข์ผ่านสื่อมวลชน กรณีที่ทางเพจเฟซบุ๊ก เจ๊ม้อย V plus ได้นำคลิปเหตุการณ์ของกลุ่มสาวประเภทสอง เข้ารุมทำร้ายตบตีคู่กรณีซึ่งเป็นหญิงสาวถึงหอพักแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.พิษณุโลก
โดยผู้เสียหายทั้งคู่ คือ น.ส.พราว และ น.ส.แพรว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมา กลุ่มของสาวประเภทสอง และหญิงชาย จำนวนนับ 10 คน ได้เดินทางมาพูดคุยเพื่อเคลียร์ปัญหาหลังจากหญิงสาวในกลุ่มนั้นอ้างว่า น.ส.แพรว ได้แอบพูดกับแฟนหนุ่มในลักษณะเชิงชู้สาว เมื่อตกลงกันไม่ได้จึงมีปากเสียงจนถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกายด้วยการรุมตบตี อีกทั้งยังมีผู้หญิงในกลุ่มสาวประเภทสอง ถ่ายคลิปบันทึกเอาไว้เพื่อนำไปเผยแพร่ประจานในสื่อโซเชียลมีเดีย
หลังเกิดเหตุพวกตนได้ไปโรงพยาบาลและเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.ชานนท์ สมฤทธิ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มสาวประเภทสองดังกล่าว แต่เวลาล่วงเลยมานานกว่า 1 เดือนแล้ว ทางตำรวจก็ไม่เคยได้เรียกพวกตนไปสอบปากคำแต่อย่างใด เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และคดีไม่มีความคืบหน้า
จึงต้องมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนในวันนี้ นอกจากนี้ยังทราบอีกว่ากลุ่มสาวประเภทสอง ที่ลงมือทำร้ายร่างกายพวกตนก็เคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับหญิงสาวรายอื่นๆ ในพื้นที่ อ.เมืองพิษณุโลก โดยเจ้าของหอพักที่เกิดเหตุก็ได้ไปแจ้งความในข้อหาบุกรุกกับกลุ่มสาวประเภทสองเช่นกัน พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุดอีกด้วย
รถบรรทุกคอนเทนเนอร์ ตั้ง GPS ผิด หลงฝ่าโค้ง 7 พับในตำนาน สุดท้ายไม่รอดตกถนนค้างเติ่ง
เมื่อเวลา 21.50 น.ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรถเทรลเลอร์ตกไหล่ทาง บริเวณโค้งเจ็ดพับ ถนนเชียงใหม่-สะเมิง รอยต่อบ้านแม่ขนิลเหนือ ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ กับพื้นที่ตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์จอดขวางถนน รถที่จะสัญจรจากพื้นที่อำเภอหางดงไปยังพื้นที่อำเภอสะเมิงไม่สามารถใช้เส้นทางดังกล่าวได้ เจ้าหน้าที่ต้องประชาสัมพันธ์ ผู้ที่ต้องการเดินทางไป อ.สะเมิง ให้ไปใช้เส้นทางผ่าน อ.แม่ริม แทน
ในที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกหัวลากยี่ห้อ SCANIA สีน้ำเงิน ลากตู้คอนเทนเนอร์ตู้เปล่าความยาว 12 เมตร ของบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง โดยล้อของส่วนพ่วงได้ไถลตกลงข้างทาง ซึ่งทางบริษัทเจ้าของรถก็ได้พยายามที่จะนำรถหัวลากของบริษัทจำนวน 2 คัน มาพยายามชักลากรถคอนเทนเนอร์ออกจากที่เกิดเหตุ แต่ก็เต็มไปด้วยความยากลำบาก
นายเกรียงไกร ทาริวิก อายุ 55 ปี บอกว่า ขับรถมาจากพื้นที่อำเภอแม่ริม เพื่อที่จะไปนัดรับสินค้ากับลูกค้า โดยลูกค้าได้นัดที่สี่แยกสะเมิง แต่ตนเข้าใจผิดว่าจุดหมายอยู่ในพื้นที่อำเภอสะเมิงจึงตั้งจีพีเอสมุ่งหน้าไป จนโทรหาลูกค้าจึงมาทราบอีกทีว่าจุดหมายคือสี่แยกสะเมิง อยู่พื้นที่อำเภอหางดง เป็นแยกที่อยู่บนถนนหลวงอำเภอหางดงและยังไม่ขึ้นดอย จึงตั้งจีพีเอสไปที่หมายอำเภอหางดง กระทั่งรถไปติดอยู่ที่โค้ง 7 พับแห่งนี้ ไปไหนไม่ได้ จนต้องโทรขอความช่วยเหลือ
นายเกรียงไกร ยังบอกว่า ตนก็ขับรถตามจีพีเอสเมื่อมาถึงโค้งนี้ เริ่มรู้สึกถึงความโหดของเส้นทาง เนื่องจากมีทางโค้งที่คดเคี้ยวและลาดชัน กระทั่งมาถึงโค้งสุดท้าย ก็เลี้ยวไม่พ้นโค้ง เพราะรถคอนเทนเนอร์มีความยาว ทำให้ต้องจอดคาอยู่ ตนมีประสบการณ์ขับรถบรรทุกมานาน ก็ไม่เคยเจอถนนแบบนี้ ยอมรับว่าเป็นถนนที่ขับยาก และเป็นโค้งปราบเซียนเป็นอย่างมาก
เวลาต่อมา มีรายงานว่าทางบริษัทเจ้าของรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ได้นำรถหัวลาก 2 คันไปช่วยกันทำการชักลากรถบรรทุกพ่วงคอนเทนเนอร์ออกจากจุดที่เสียหลักลงข้างทางและได้ช่วยกันลากขึ้นบริเวณโค้งดังกล่าว โดยสามารถกู้รถได้สำเร็จเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ขณะนี้เปิดการจราจรได้ตามปกติแล้ว
ชายวัย 57 ถูกฉลามลากลงไปขย้ำในน้ำ เสียชีวิตสลด พยานให้การเห็นฉลาม 2 ตัว
สำนักข่าว เอบีซีนิวส์ ของออสเตรเลีย รายงานเหตุการณ์สลด กรณีชายวัย 57 ปี เสียชีวิตขณะลงว่ายน้ำในทะเลที่เมืองฟรีแมนเทิล ทางตะวันตกของออสเตรเลีย จากการถูกฉลามกัดและลากลงไปใต้ทะเล โดยพยานผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เห็นฉลาม 2 ตัว ตรงจุดเกิดเหตุ
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วง 10 โมงเช้า ของวันเสาร์ที่ผ่านมา(6 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงค้นหาร่างของชายผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ ทราบชื่อคือ นายพอล มิลลาชิป วัย 57 ปี โดยต้องระดมกำลังตำรวจน้ำ หน่วยกู้ภัยทางทะเล รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์ ในการค้นหาร่าง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังพบเพียงแว่นตาว่ายน้ำของเขาเท่านั้น
เหตุการณ์สลดนี้เกิดขึ้นต่อหน้ากลุ่มวัยรุ่นที่พักผ่อนกันอยู่บนเรือ ที่เห็นนาทีฉลามขนาดใหญ่ เชื่อว่าเป็นฉลามขาว พุ่งเข้าทำร้ายนายพอล ก่อนจะลากร่างของชายเคราะห์ร้ายลงไปใต้น้ำ พยานยังยืนยันอีกว่าพบเห็นฉลามถึง 2 ตัวตรงจุดเกิดเหตุ และกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นพยานนี้เอง ที่รายงานเหตุให้ตำรวจทราบในทันที
อย่างไรก็ตาม ตำรวจยอมรับว่าไม่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่า พอล ถูกทำร้ายโดยฉลามชนิดใดและกี่ตัวกันแน่ จนกว่าจะพบร่างของเขา คาสิโน